ผบช.น. เผยขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับแฟนแอมมี่ ในข้อหา ม.112 ชี้ ผู้ต้องหาหญิงรายนี้มีพฤติการณ์หลบหนีออกนอกประเทศ แอมมี่ The Bottom Blues – พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เปิดถึงความคืบหน้าของคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์หน้าเรือนจำคลองเปรมที่ นาย ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ The Bottom Blue ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
ล่าสุดได้ ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน
เป็นหญิงสาวคนสนิทของยแอมมี่ ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายสถาบัน นอกจากนี้ยังออกหมายเรียกผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น วันที่ 12 มี.ค. นี้
เนื่องจากพบว่าผู้ต้องหาหญิงรายนี้มีพฤติการณ์หลบหนี เตรียมเดินทางออกนอกประเทศ ขณะนี้ชุดสืบสวนบช.น.อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ในประเด็นของการชุมนุมเดินทะลุฟ้าครั้งที่ 2 ในวันที่ 13 มี.ค. นั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ห้ามชุมนุมอยู่แล้ว การรักษาความสงบเรียบร้อยดูการข่าวเป็นหลัก ต้องให้เขาทำตามกรอบกฎหมาย ถ้าไม่เคลื่อนได้ก็ไม่เคลื่อน เขายืนยันว่าจะเคลื่อนขบวน สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชน
ทางเจ้าหน้าที่พยายามจะจัดเส้นทางเลี่ยง และจำกัดพื้นที่ชุมชุมให้เดือนร้อนน้อยที่สุด ขึ้นอยู่กับผู้ชุมนุมถ้าไม่ใช้ความรุนแรงเราก็ไม่รุนแรง ถ้ามีการข่าวว่ากลุ่มบุคคลจะสร้างความรุนแรง ตำรวจนครบาลก็ต้องดำเนินการ ขณะนี้ยังไม่มีการข่าวความรุนแรงดังกล่าว อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศาลอาญาเคยมีคำสั่งว่าไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสองได้ร่วมกับนายไชยอมร กระทำการดังกล่าว มีเเต่คำให้การของบุคคลที่พนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยานให้การซัดทอดเพียงเท่านั้น พยานหลักฐานที่ยื่นมาจึงยังไม่สามารถออกหมายจับได้
และนําเข้าสู่วาระการประชุมที่ประชุมร่วมกัน ของรัฐสภาโดยที่ประชุมลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช … ทั้งสองฉบับในวาระที่หนึ่ง เป็นการกระทําที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 44 มาตรา 255 และมาตรา 256 ประกอบมาตรา 5 และร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ..
ทั้งสองฉบับเป็นการทําลายหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในรัฐสภาและหลักการ ตรวจสอบโดยประชาชนซึ่งขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 44 มาตรา 255 มาตรา 256 ประกอบ มาตรา 5 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 วรรคหนึ่ง และเป็นการกระทําที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอให้มีคําสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทําผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคําร้องและเอกสารประกอบคําร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริง ตามคําร้องปรากฏว่าการกระทําของผู้ถูกร้องทั้งสองยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอและยังห่างไกลเกินเหตุ ที่จะเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๔๙ วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งไม่รับคําร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เมื่อมีคําสั่งไม่รับคําร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว คําขออื่นย่อมเป็นอันตกไป
‘รุ้ง ปนัสยา’ เชื่อ ผู้ชุมนุมสู้อย่างไม่ท้อถอย แม้ตนอยู่ในเรือนจำ
รุ้ง ปนัสยา หนึ่งในแกนนำราษฎรได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก แสดงความเชื่อว่า ชุมนุมสู้อย่างไม่ท้อถอย แม้ตนอยู่ในเรือนจำ วอนขอให้ยึดสันติวิธี รุ้ง หรือ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หนึ่งในแกนนำราษฎร ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เผยว่าเธอเชื่อว่าคนที่อยู่ข้างนอกเรือนจำจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไคยอย่างไม่ท้อถอย และขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนยึดมั่นในสันติวิธีในการชุมนุมต่อไป
โดยข้อความระบุว่า “สวัสดีพี่นัองประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่รุ้งเข้ามาในคุก ไม่เป็นไร เพราะเรามาในฐานะนักสู้ ไม่ใช่นักโทษ เช่นนั้นแล้ว ไม่มีอะไรที่น่าท้อใจเลย เพราะเรารู้ว่าคนที่ยังอยู่ข้างนอกจะคงสู้อย่างต่อเนื่อง พวกเราที่อยู่ข้างในมีความเชื่อมั่นและศรัทธาเปี่ยมล้นไปทั้งหัวใจว่า
คนที่ยังอยู่ข้างนอกจะสู้อย่างไม่ท้อและจะทำให้พวกเราได้รับชัยชนะ ขอให้ทุกคนโปรดยึดมั่นในหลักสันติวิธี เพราะสันติวิธีสำหรับเราเป็นหนทางแห่งชัยชนะหนทางเดียวที่เรามี สันติวิธีของเราไม่ใช่การอยู่เฉย ๆ ให้เขาทำร้าย เราสามารถป้องกันตนเองได้ตามสมควร ตราบเท่าที่ความรุนแรงจะเกิดกับเรา คิดว่าเพื่อน ๆ ของเรา คงจะให้ข้อมูลกับทุกคนเกี่ยวกับสันติวิธีมากขึ้นแล้วทุกคนจะเข้าใจว่าทำไมเราถึงจะไม่ชนะถ้าใช้ความรุนแรง ขอให้ทุกคนสู้ อย่าท้อ ยังไงเราชนะแน่นอน ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ยังไงเราก็จะชนะ”
ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวถูกโพสต์โดยพี่สาวของรุ้ง หลังจากตัวของรุ้ง ถูกสั่งฟ้อง ม.112 จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งอัยการได้สั่งคัดค้านการประกันตัวของรุ้งและผู้ต้องหารวม 18 คนที่ถูกสั่งฟ้องในวันเดียวกัน
ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในชั้นพิจารณาโดยตีราคาประกัน 200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามจำเลยไปทำกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันฯ หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในอันที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันฯอีก และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้จำเลยมาศาลตามนัดทุกครั้ง โดยถือปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร